
ทำเอง vs ใช้บริษัทชิปปิ้ง: Custom Clearance แบบไหนดีกว่ากัน
ทำไมบริษัทต่างๆจึงเลือกใช้บริการบริษัทชิปปิ้งในการทำ Custom Clearance มากกว่าทำเอง
ในยุคปี 2025 ที่การค้าออนไลน์ และ การนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศได้เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วในประเทศไทย โดยเฉพาะสินค้าจีน อเมริกา และ ยุโรป กระบวนการ Custom Clearance หรือ การผ่านพิธีการศุลกากรจึงกลายเป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุดสำหรับผู้ประกอบการ นำเข้า หรือ ส่งออก ตามข้อมูลจากกรมศุลกากรไทย ในปี 2024 มียอดการนำเข้าสินค้าคิดเป็นมูลค่ากว่า 1 ล้านล้านบาท และ คาดว่าปี 2025 จะเพิ่มขึ้นอีก 15% เนื่องจากนโยบายฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังโควิด-19 และ การค้าเสรี FTA กับหลายๆประเทศ อย่างไรก็ตาม Custom Clearance ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เพราะต้องจัดการเอกสาร ภาษีศุลกากร กฎระเบียบที่ซับซ้อน และ อาจมีค่าใช้จ่ายแฝงหากผิดพลาด เช่น การถูกปรับ หรือ สินค้าถูกกักไว้ที่ท่าเรือ หรือ สนามบินนานหลายๆวัน ดังนั้นบทความนี้เราจะพาคุณมาวิเคราะห์เปรียบเทียบข้อดี–ข้อเสียของทั้งสองทางเลือกอย่างละเอียด เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจได้อย่างมั่นใจว่าทางเลือกไหนเหมาะสมกับธุรกิจ หรือ การนำเข้าสินค้าของคุณมากที่สุด
Custom Clearance คืออะไร? พื้นฐาน และ ทำไมจึงสำคัญ
ก่อนเปรียบเทียบ เราต้องเข้าใจขั้นตอนของ Custom Clearance ให้ชัดเจนโดย Custom Clearance คือ กระบวนการที่เจ้าของสินค้า หรือ ตัวแทนต้องยื่นเอกสาร และ ชำระภาษีเพื่อให้สินค้าผ่านด่านศุลกากรเข้าประเทศอย่างถูกต้อง โดยในประเทศไทย จะต้องดำเนินการตามพระราชบัญญัติศุลกากร
พ.ศ. 2560 ซึ่งในปี 2025 ได้เพิ่มระบบดิจิทัล e-Customs 2.0 เพื่อลดขั้นตอนของเอกสารกระดาษ โดยผู้ยื่นต้องเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) หรือ มีใบอนุญาตนำเข้าอย่างถูกต้อง และในปี 2025 ได้มีการเปลี่ยนแปลงสำคัญ เช่น การเพิ่ม AI ในการตรวจ HS Code เพื่อป้องกันการหลีกเลี่ยงภาษี และ การเชื่อมโยงกับระบบ Single Window สำหรับเอกสารจากต่างประเทศ ทำให้กระบวนการนี้เร็วขึ้นกว่า 24% แต่หากทำผิดพลาด อาจล่าช้าถึง 7-14 วันเลยทีเดียว
การทำ Custom Clearance ด้วยตัวเอง นั้นมีข้อดี และ ข้อเสียอย่างไร
การทำ Custom Clearance ด้วยตัวเองนั้นหมายถึง ผู้ประกอบการจัดการทุกขั้นตอนด้วยตัวเอง โดยไม่ใช้ตัวกลาง วิธีแบบนี้จะเหมาะสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก หรือ การนำเข้าสินค้าน้อยชิ้น เช่น ขายออนไลน์ Shopee หรือ Lazada
โดยมีข้อดีของการทำ Custom Clearance เองดังนี้
- ประหยัดต้นทุน: การทำ Custom Clearance เองนั้นไม่ต้องจ่ายค่าบริการให้แก่ บริษัทชิปปิ้งที่อยู่ที่ ประมาณ 2-5% ของมูลค่าสินค้า หรือ ขั้นต่ำ 5,000-20,000 บาทต่อชิปเมนต์ โดยการทำเองจะช่วยประหยัดได้ถึง 30-50% สำหรับสินค้ามูลค่าต่ำกว่า 100,000 บาท ตัวอย่าง ผู้ขายสินค้าจีนนำเข้าผ่าน AliExpress สามารถเคลียร์เองได้โดยเสียแค่ภาษี 7% VAT เท่านั้น
- ควบคุมกระบวนการได้เต็มที่: หากคุณรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับรายละเอียดสินค้า ตั้งแต่เอกสารจนถึงการตรวจสอบ จะช่วยลดความเสี่ยงข้อมูลรั่วไหล หรือ บริษัทชิปปิ้งจัดการผิดพลาด โดยในปี 2025 ด้วยระบบ e-Customs ผู้ประกอบการสามารถยื่นออนไลน์จากที่บ้านได้เอง โดยไม่ต้องไปด่านใดๆ
- เรียนรู้ และ พัฒนาธุรกิจ: การทำ Custom Clearance เองจะช่วยให้เข้าใจกฎระเบียบต่างๆ HS Code และ จำนวนภาษี ทำให้ธุรกิจเติบโตได้ดีขึ้น เช่น SME ในกรุงเทพฯ ที่นำเข้าอุปกรณ์ IT สามารถปรับตัวกับ เกณฑ์ภาษีใหม่ของสหรัฐฯ ได้เร็วขึ้น
ข้อเสียของการทำ Custom Clearance เอง
- ยุ่งยาก และ ต้องใช้เวลา: หากต้องศึกษากฎหมายเองทั้งหมด จะมีความซับซ้อน โดยเฉพาะ HS Code ที่มีกว่า 5,000 รหัส ผู้ทำ Custom Clearance เองมักต้องใช้เวลา 3-7 วันต่อชิปเมนต์ เทียบกับ 1-2 วันหากใช้ broker ช่วย แต่หากสินค้าถูกสุ่มตรวจ อาจล่าช้าไปอีก 1 สัปดาห์ด้วย
- เสี่ยงผิดพลาด และ ค่าปรับ: การทำ HS Code ผิดอาจถูกปรับถึง 2-4 เท่าของภาษีที่ขาด หรือ อาจเสี่ยงสินค้าถูกยึด โดยเราจะพบว่าผู้ใช้บริการขนส่งเองอย่าง FedEx ในไทยมักถูกปรับเพราะแจ้งสินค้าไม่ถูกต้อง อาจมีค่าปรับเริ่มต้นที่ 20,000 บาท และ อาจถึง 1 ล้านบาทหากร้ายแรง นอกจากนี้ หากไม่รู้สิทธิ์ลดภาษีจาก FTA (เช่น ไทย-จีน 0% สำหรับบางสินค้า) อาจจะต้องเสียเงินเปล่าได้
- ขาดความเชี่ยวชาญในกรณีพิเศษ: สำหรับสินค้าควบคุม เช่น ยา อาหาร หรือ เครื่องจักร ต้องขอใบอนุญาตจากหลายๆหน่วยงาน หากทำ Custom Clearance เองอาจผิดพลาดได้ และ สินค้าอิเล็กทรอนิกส์จากไทยนั้นจะถูกตรวจเข้ม หากไม่รู้จัก customs broker ซึ่งมีความเสี่ยงที่อาจติดปัญหาได้
การใช้บริการบริษัทชิปปิ้ง ในการทำ Custom Clearance มีข้อดี ข้อเสียอย่างไร
บริษัทชิปปิ้ง หรือ Freight Forwarder ในไทย เช่น Rogers Thailand นั้นเป็นผู้เชี่ยวชาญที่จัดการทั้งระบบขนส่ง และ Custom Clearance โดยทำหน้าที่เป็นตัวแทนยื่นเอกสาร ชำระภาษี และ ติดตามสินค้านั้นเอง
โดยมีข้อดีของการใช้บริการบริษัทชิปปิ้งนั้นมี ดังนี้
- สะดวก และ รวดเร็ว: บริษัทชิปปิ้งจะจัดการทุกอย่างให้ โดยช่วยลดเวลาเคลียร์ Custom Clearance เหลือ 1-3 วัน และ บริษัทชิปปิ้งจะช่วยหลีกเลี่ยงความล่าช้าจากเอกสารผิดพลาดได้ถึง 90% จะทำให้สินค้าต่างๆนั้นสามารถเข้า ออกได้เร็วขึ้น
- ลดความเสี่ยง และ เชี่ยวชาญ: บริษัทชิปปิ้ง จะรู้กฎระเบียบล่าสุด เช่น การอัปเดต HS Code ปี 2025 และ ภาษีใหม่ ของ US-Trump ที่เพิ่มขึ้น 19% สำหรับสินค้าไทย จาก USA Customs Clearance ปี 2025 ซึ่งบริษัทชิปปิ้งจะช่วยประหยัดค่าปรับได้ถึง 80% โดยพวกเค้าจะช่วยตรวจสอบเอกสารล่วงหน้า นอกจากนี้ยังมีการประกันสินค้าหากเกิดปัญหา
- บริการเพิ่มเติม: บริษัทชิปปิ้งได้รวมการขนส่งในประเทศ การคำนวณภาษีอัตโนมัติ และ ขอคืน VAT โดย broker จะช่วยให้ประหยัดภาษีผ่าน FTA ได้ถึง 20-30% สำหรับสินค้าจีน-ไทยด้วย
ข้อเสียของการใช้บริการบริษัทชิปปิ้งในการทำ Custom Clearance
- ค่าใช้จ่ายสูง: ค่าบริการของบริษัทชิปปิ้งอาจมากถึง 3-7% ของมูลค่าสินค้า บวกค่าธรรมเนียมอื่นๆ โดยในธุรกิจ SME อาจต้องเสียเพิ่มถึง 10,000-50,000 บาทต่อชิปเมนต์ หากสินค้าน้อย ค่าใช้จ่ายอาจไม่คุ้มนัก
- พึ่งพาตัวกลาง: หากบริษัทชิปปิ้งผิดพลาด เช่น ยื่นช้า อาจเกิดความล่าช้าได้ ซึ่งบาง บริษัทชิปปิ้งอาจไม่มีจัดการขนส่งทั้งหมดเสมอไป ต้องเช็คสัญญาให้ดี
- ขาดการควบคุม: คุณจะไม่รู้รายละเอียดทุกอย่างในการผ่าน Custom Clearance โดยอาจมีค่าใช้จ่ายแฝง จึงขอแนะนำให้ตรวจสอบรีวิวต่างๆก่อนใช้บริการด้วย
จากที่กล่าวมาจะพบว่าการทำ Custom Clearance เองนั้นจะเหมาะสำหรับธุรกิจขนาดเล็กที่
ต้องการความประหยัด และ ควบคุมได้ แต่ก็มีความเสี่ยงสูง ขณะที่การใช้ บริษัทชิปปิ้ง จะสะดวก รวดเร็ว ลดความเสี่ยง แต่ก็ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม โดยเราแนะนำว่าควรเลือกใช้บริการตามขนาดธุรกิจ และ ประสบการณ์ โดยในปี 2025 กับ การมีกฎใหม่มากมาย ใช้ บริษัทชิปปิ้ง อาจดีกว่าสำหรับมือใหม่ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาต่างๆที่อาจจะตามมา สุดท้ายเราก็ควรศึกษากฎหมาย และ ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อตัดสินใจที่ถูกต้องที่สุด ดังนั้นเราขอแนะนำบริษัทชิปปิ้งที่มีประสิทธิภาพอย่าง บริษัท โรเจอร์ กรุงเทพ จำกัด ซึ่งมีบริการผ่านพิธีการศุลกากร (Custom Clearance) ที่ได้มาตรฐาน อีกทั้งยังมีบริการโลจิสติกส์ และ มีบริการอื่นๆอย่างมืออาชีพ ทั้งยังมีบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญ และ ประสบการณ์ ในการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศทุกชนิดโดยเฉพาะ อีกทั้งยังมี ผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำปรึกษา ทางด้านการขนส่งสินค้า ได้หลากหลายประเภท สามารถขอคำแนะนำกับทางเราได้ตลอดเวลา ทางเรามีทีมงานคอยแก้ปัญหาเฉพาะหน้าให้กับลูกค้าได้อย่างทันที เราจึงมั่นใจว่าจะบริการทุกธุรกิจได้อย่างราบรื่นนั้นเอง
ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
Website : https://www.rogers-thailand.com
Facebook : Rogers Thailand
E-mail : infoth@rogers-asia.com
Tel : 02 752 6417
Line : @rogersthailand
Powered by Froala Editor